9 วิธีสอนลูกให้ฉลาด ที่คุณแม่ทุกคนควรรู้ เพื่อเลี้ยงลูกให้แข็งแรงและเติบโตเต็มศักยภาพ

ค้นพบ 9 วิธีสอนลูกให้ฉลาดตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้ลูกพัฒนาสติปัญญา อารมณ์ และร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีแรงกดดัน คุณพ่อคุณแม่ห้ามพลาด!

 

1. ทำไมต้องสอนลูกให้ฉลาดตั้งแต่เนิ่นๆ?

สติปัญญาของเด็กไม่ได้มาจากพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสภาพแวดล้อม วิธีการเลี้ยงดู และการดูแลจากคุณพ่อคุณแม่ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแสดงให้เห็นว่า ช่วงอายุ 0–6 ปี คือ “ช่วงเวลาทองคำ” ของการพัฒนาสมอง ซึ่งเป็นช่วงที่โครงสร้างสมองกว่า 90% ถูกสร้างขึ้น

ดังนั้น วิธีสอนลูกให้ฉลาดตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กพัฒนาสติปัญญาเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบเชิงบวกต่ออารมณ์ บุคลิกภาพ และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับโลกรอบตัว นี่คือรากฐานที่มั่นคงเพื่อให้ลูกน้อยมีความมั่นใจมากขึ้นในอนาคต

2. 9 วิธีสอนลูกให้ฉลาด ที่คุณแม่ทุกคนควรรู้

2.1 พูดคุยกับลูกเป็นประจำ

อย่าประเมินพลังของคำพูดต่ำเกินไป! การพูดคุยกับลูกทุกวัน – แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย – คือวิธีที่กระตุ้นสมองตามธรรมชาติที่สุด เมื่อคุณพ่อคุณแม่สื่อสารกับลูกเป็นประจำ เด็กจะ:

  • ขยายคลังคำศัพท์และความสามารถทางภาษา
  • เพิ่มความเร็วในการคิดและความสามารถในการตอบสนอง
  • เข้าใจและแสดงอารมณ์ได้ดีขึ้น

จากการวิจัยของ MIT พบว่า เด็กที่พ่อแม่พูดคุยด้วยมากจะมีบริเวณสมองส่วนภาษาที่พัฒนาแข็งแรงกว่า ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับผลการเรียนในอนาคต

[caption id="attachment_2695" align="aligncenter" width="800"]พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกให้บ่อยขึ้น พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกให้บ่อยขึ้น[/caption]

2.2 อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่เนิ่นๆ

หนึ่งในวิธีสอนลูกให้ฉลาดที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการสร้างนิสัยรักการอ่านตั้งแต่ยังเล็ก หนังสือไม่เพียงแต่เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น แต่ยังฝึกฝนจินตนาการและการคิดเชิงตรรกะอีกด้วย ลองเลือกหนังสือที่เหมาะสมกับวัย เช่น:

  • นิทานสั้นๆ
  • หนังสือภาพที่มีภาพประกอบสวยงาม
  • หนังสือโต้ตอบที่มีเสียงหรือภาพนูน

ช่วงเวลาอ่านหนังสือก่อนนอนทุกคืนไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกผ่อนคลาย แต่ยังเป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่ครอบครัวได้ใกล้ชิดกัน

2.3 ให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกาย

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าเด็กเล็กควรเคลื่อนไหวร่างกายอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน กิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่งเล่น ว่ายน้ำ เต้นรำ ช่วย:

  • เพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง
  • พัฒนาความจำและความสามารถในการเรียนรู้
  • เสริมสร้างความแข็งแรงและยืดหยุ่นของร่างกาย

วิธีสอนลูกให้ฉลาดจะขาดการเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ เพราะร่างกายที่แข็งแรงจะหล่อเลี้ยงสติปัญญาที่คล่องแคล่ว

2.4 จำกัดเวลาการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

แม้ว่าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจะสามารถ “ยื้อ” เด็กไว้ได้ชั่วคราว แต่การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เร็วเกินไปกลับนำมาซึ่งผลเสียมากมาย:

  • ลดความสามารถในการจดจ่อและมีสมาธิ
  • ก่อให้เกิดความผิดปกติในการนอนหลับและพฤติกรรม
  • จำกัดการสื่อสารทางสังคม

WHO แนะนำว่า: เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบควรหลีกเลี่ยงหน้าจอโดยสิ้นเชิง เด็กอายุ 2–5 ขวบไม่ควรใช้อุปกรณ์เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน

2.5 สัมผัสกับดนตรีทุกวัน

ดนตรีคลาสสิก เพลงพื้นบ้าน หรือเพลงเด็กที่มีท่วงทำนองเบาๆ มีผลดีต่อพัฒนาการทางสติปัญญา ดนตรีช่วย:

  • กระตุ้นการทำงานของสมองหลายส่วนที่เชื่อมโยงกัน
  • พัฒนาทักษะทางภาษาและอารมณ์
  • เพิ่มสมาธิและความสามารถในการคิด

วิธีสอนลูกให้ฉลาดอย่างมีประสิทธิภาพคือการให้ลูกฟังเพลงขณะเล่น หรือร้องเพลงไปพร้อมกับลูก – ทั้งสนุกสนานและได้เรียนรู้

2.6 โภชนาการที่เหมาะสม – รากฐานของสมอง

หากต้องการให้ลูกฉลาด คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามบทบาทของโภชนาการ สารอาหารบางชนิดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสมอง ได้แก่:

  • โอเมก้า 3 (DHA, EPA): สนับสนุนการพัฒนาเซลล์สมอง
  • ธาตุเหล็ก สังกะสี ไอโอดีน: เพิ่มความสามารถในการจดจำ
  • โคลีน: สนับสนุนการส่งสัญญาณประสาท

นอกเหนือจากอาหารตามธรรมชาติ คุณสามารถเสริมด้วยนม เช่น UniGrow ซึ่งอุดมไปด้วย DHA และใยอาหารที่จำเป็น ช่วยให้เด็กพัฒนาสมองและระบบย่อยอาหารได้อย่างครบถ้วน

[caption id="attachment_2696" align="aligncenter" width="800"]ใส่ใจโภชนาการในมื้ออาหารของเด็ก ใส่ใจโภชนาการในมื้ออาหารของเด็ก[/caption]

2.7 ส่งเสริมการสำรวจโลก

เด็กเล็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านประสบการณ์ หนึ่งในวิธีสอนลูกให้ฉลาดคือการสร้างโอกาสให้เด็กได้สัมผัสกับธรรมชาติและโลกรอบตัว:

  • เยี่ยมชมสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์
  • ไปปิกนิกสุดสัปดาห์
  • สังเกตแมลง ต้นไม้ และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

ยิ่งมีประสบการณ์จริงมากเท่าไหร่ เด็กก็จะยิ่งมีความเข้าใจลึกซึ้งและมีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ดีขึ้น

2.8 สร้างนิสัยรักการอ่านด้วยตนเอง

เมื่อลูกโตขึ้น ควรส่งเสริมให้ลูกอ่านหนังสือด้วยตนเองแทนที่จะฟังคุณพ่อคุณแม่อ่านให้ฟัง คุณสามารถ:

  • สร้างมุมอ่านหนังสือส่วนตัวให้ลูก
  •  
  • จัด “ชั่วโมงอ่านหนังสือ” ทุกวัน
  • มอบหนังสือเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษต่างๆ

นี่คือวิธีสอนลูกให้ฉลาดอย่างมีประสิทธิภาพที่หลายครอบครัวในโลกตะวันตกนำไปใช้ประสบความสำเร็จในการปลูกฝังนิสัยรักการเรียนรู้ตลอดชีวิต

2.9 ผสานการใช้ UniGrow เพื่อสนับสนุนพัฒนาการทางสติปัญญา

นอกเหนือจากโภชนาการตามธรรมชาติจากอาหาร การเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น UniGrow ที่มีสารอาหาร:

  • DHA – สุดยอดสารอาหารบำรุงสมองอันดับ 1 สำหรับเด็ก นำเข้าโดยตรงจากออสเตรเลีย: ช่วยพัฒนาการมองเห็นและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก
  • โคลีน – สุดยอดสารอาหารบำรุงสมองอันดับ 2 สำหรับเด็ก: สารอาหารจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองได้ไม่เพียงพอ โคลีนมีบทบาทสำคัญในการผลิตและขนส่งอะเซทิลโคลีน – สารสื่อประสาทสำคัญในการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท ช่วยพัฒนาความคิดและการเรียนรู้ของเด็ก
  • ทอรีน – สุดยอดสารอาหารบำรุงสมองอันดับ 3 สำหรับเด็ก: ทอรีนเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองได้ไม่เพียงพอ ทอรีนมีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ ควบคุมการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ กระตุ้น GABA ในสมอง และส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก

[caption id="attachment_2697" align="aligncenter" width="800"]ดื่ม UniGrow วันละ 2 แก้ว ช่วยเสริมความสูงอย่างโดดเด่น ดื่ม UniGrow วันละ 2 แก้ว ช่วยเสริมความสูงอย่างโดดเด่น[/caption]

ผลิตภัณฑ์ได้รับการตรวจสอบและเหมาะสมสำหรับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป ช่วยให้ลูกน้อยพัฒนาทั้งสมองและร่างกายได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการชั้นนำแนะนำให้ดื่มนม 2 แก้วต่อวัน เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพที่ครอบคลุมและดีที่สุด

3. ข้อควรจำบางประการในการใช้วิธีสอนลูกให้ฉลาด

  • ไม่ควรกดดันให้เด็กเรียนรู้เร็วเกินไป – อาจทำให้เกิดความเครียดและสูญเสียความสนใจ
  • เคารพความเป็นตัวของตัวเองและอัตราการเติบโตที่เป็นเอกลักษณ์ของเด็กแต่ละคน
  • หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบเด็กกับผู้อื่น – สิ่งนี้จะทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่าเท่านั้น

4. การสอนลูกให้ฉลาดคือการเดินทางแห่งความรัก

การรักลูกคือการเดินทางที่ยาวนานด้วยความปรารถนาให้ลูกเติบโตอย่างโดดเด่นทั้งร่างกายและสติปัญญา แต่บางครั้ง เพียงแค่การกระทำง่ายๆ เช่น อ่านหนังสือด้วยกัน พูดคุยกัน เล่นด้วยกัน และดื่มนมสักแก้วทุกวัน ก็เป็นวิธีสอนลูกให้ฉลาดที่เต็มไปด้วยความรักแล้ว

ปล่อยให้ลูกเติบโตตามธรรมชาติอย่างมีความสุข – เพราะการเป็นพ่อแม่ก็คือการเดินทางแห่งการเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับลูกรัก

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.unicef.org/parenting/child-development/babies-screen-time#:~:text=Babies%20learn%20the%20most%20from%20human%20interaction&text=You%20get%20genius%20learning%20from,those%20aged%202%20to%204.

Back to blog

Leave a comment