อาการขาดแคลเซียมในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

แคลเซียมเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการพัฒนาของเด็ก หากเด็กขาดแคลเซียม อาจเกิดผลกระทบในทางลบทั้งระยะสั้นและระยะยาว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามปัญหานี้ และควรสังเกตอาการขาดแคลเซียมเพื่อเสริมอาหารให้ทันเวลา

ในบทความนี้ UniGrow จะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการขาดแคลเซียมในเด็กอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น

1. ความสำคัญของแคลเซียมต่อพัฒนาการของเด็กเล็ก

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของเด็ก โดยคิดเป็นประมาณ 1.5–2% ของน้ำหนักตัว โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในกระดูกและฟัน และมีเพียงส่วนน้อยที่กระจายอยู่ในเลือดและเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะเซลล์กล้ามเนื้อ

[caption id="attachment_2639" align="aligncenter" width="800"]แคลเซียมมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก แคลเซียมมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก[/caption]

ดังนั้น แคลเซียมจึงไม่เพียงแต่ช่วยคงความแข็งแรงของกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ ในร่างกายของเด็กอย่างมาก

2. สาเหตุของการขาดแคลเซียมในเด็ก

โดยทั่วไป ภาวะขาดแคลเซียมมักเกิดขึ้นเมื่อเด็กมีภาวะขาดสารอาหาร รับประทานอาหารไม่เพียงพอ หรือไม่ได้รับปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้ ภาวะนี้ยังอาจเกิดขึ้นจากปัญหาในการเผาผลาญแคลเซียมในร่างกาย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน หรือการขาดการออกกำลังกายและกิจกรรมทางกายภาพ หากเป็นกรณีนี้ แม้ว่าเด็กจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอ แต่ความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมของร่างกายก็จะลดลง

นอกจากนี้ การขาดวิตามิน D ในเด็กก็สามารถทำให้เกิดอาการขาดแคลเซียมได้ แม้ว่าพ่อแม่จะดูแลเรื่องอาหารให้มีแคลเซียมเพียงพอก็ตาม สาเหตุเป็นเพราะวิตามิน D มีบทบาทสำคัญในการช่วยดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายนั่นเอง

3. อาการขาดแคลเซียมในเด็ก

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการโดยรวมของเด็ก แล้วผู้ปกครองจะสามารถสังเกตได้อย่างไรว่า ลูกกำลังขาดแคลเซียม? เมื่อขาดแคลเซียม เด็กอาจแสดงอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:

3.1 กระดูกอ่อนแอ

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการสร้างและปกป้องกระดูกและฟัน การขาดแคลเซียมอาจทำให้กระดูกพัฒนาได้ไม่เต็มที่ บางลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกหักเมื่อเด็กทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ภาวะนี้อาจนำไปสู่ปัญหากระดูก เช่น โรคกระดูกอ่อนในเด็ก

3.2 กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ

แคลเซียมเป็นส่วนสำคัญในการรักษาการทำงานของกล้ามเนื้อให้เป็นปกติ การขาดแคลเซียมอาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นตะคริวเมื่อลูกออกกำลังกาย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมประจำวันของเด็ก

[caption id="attachment_2640" align="aligncenter" width="800"]อาการทั่วไปของการขาดแคลเซียมในเด็ก อาการทั่วไปของการขาดแคลเซียมในเด็ก[/caption]

3.3 ความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจให้คงที่และควบคุมความดันโลหิต การขาดแคลเซียมในเด็กอาจนำไปสู่ปัญหาหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ

3.4 การเจริญเติบโตช้า

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตของร่างกาย การขาดแคลเซียมอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตทั้งด้านส่วนสูงและน้ำหนัก เด็กที่ขาดแคลเซียมมักจะมีส่วนสูงและน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดย WHO

3.5 ความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร

แคลเซียมยังมีบทบาทในกระบวนการย่อยอาหารอีกด้วย การขาดแคลเซียมอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการย่อย เช่น ท้องผูก เบื่ออาหาร หรือไม่อยากอาหาร ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กมีน้ำหนักขึ้นช้า หรืออาจลดลงได้

4. สัญญาณเมื่อเด็กขาดแคลเซียม

อาการขาดแคลเซียมอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อพัฒนาการตามปกติของเด็ก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตและตรวจพบปัญหานี้ให้เร็วที่สุด เพื่อสามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันเวลา โดยมีสัญญาณที่ควรใส่ใจ:

  • เด็กมีภาวะกระดูกอ่อน ภาวะทุพโภชนาการ หรือเติบโตช้ากว่าปกติ
  • ฟันขึ้นช้า ไม่สม่ำเสมอ และไม่แข็งแรง
  • ผมร่วงเป็นเส้นวงรอบท้ายทอย
  • นอนหลับยาก งอแงบ่อย และตกใจในเวลากลางคืน
  • กระหม่อมปิดช้า และมักจะอาเจียนนมหรือแหวะนม
  • เด็กมักปวดเมื่อยแขน ขา
  • พัฒนาการด้านการรับรู้ช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน

[caption id="attachment_2641" align="aligncenter" width="800"]สัญญาณการขาดแคลเซียมในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ สัญญาณการขาดแคลเซียมในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้[/caption]

หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรรีบพาไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อรับคำแนะนำและตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อวางแผนปรับปรุงการดูแลและโภชนาการให้เหมาะสม

5. เสริมแคลเซียมด้วยผลิตภัณฑ์ช่วยเพิ่มความสูง UniGrow

เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลเซียม คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้รับแร่ธาตุที่เพียงพอจากอาหารประจำวัน และอาจเสริมด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางชนิด โดยควรเน้นอาหารจากธรรมชาติ เช่น อาหารทะเล (กุ้ง ปู ปลา...), ถั่ว เมล็ดพืช และผักใบเขียว โดยเฉพาะนมและผลิตภัณฑ์จากนม

[caption id="attachment_2642" align="aligncenter" width="800"]UniGrow เสริมแคลเซียมและสารอาหารสำคัญสำหรับเด็ก UniGrow เสริมแคลเซียมและสารอาหารสำคัญสำหรับเด็ก[/caption]

คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกดื่ม UniGrow เป็นประจำทุกวัน เพื่อเสริมปริมาณแคลเซียมที่จำเป็นต่อร่างกาย UniGrow มีส่วนผสมของชุดสามประสานเพื่อความสูง CaD3K2 – กุญแจทองสำหรับการพัฒนาความสูงที่โดดเด่นของเด็ก

วิตามิน D3 ทำหน้าที่เป็น “หลัก” ในการช่วยดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ส่วนวิตามิน K2 คือ “สวิตช์เปิดใช้งาน” วิตามิน D3 และช่วยนำแคลเซียมเข้าสู่กระดูก ช่วยเร่งกระบวนการดูดซึมแคลเซียมอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และไม่ทำให้แคลเซียมที่รับประทานเข้าสู่ร่างกายสูญเปล่า

 

ข้างต้นคือข้อมูลที่ UniGrow ขอนำเสนอเกี่ยวกับความสำคัญของแคลเซียมต่อการเจริญเติบโตของเด็ก รวมถึงสาเหตุและอาการขาดแคลเซียม คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจและติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด และอย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เมื่อจำเป็น พร้อมทั้งจัดเตรียมอาหารที่หลากหลายและสมดุลให้กับลูกอย่างเหมาะสม

Back to blog

Leave a comment